1270 จำนวนผู้เข้าชม |
คุณทรงกลด นาคอร่าม
ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2557 พร้อมแสดงข้อมูลเกี่ยวกับผลสุขภาพตาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ภาพถ่าย. 2557 กันยายน 10
“เริ่มต้นด้วยประมาณปี 2544 ประสบอุบัติเหตุรถชนกันปรากฏว่าหน้าของเราตรงบริเวณดั้งจมูกได้ไปฟาดกับรถอีกคันหนึ่ง ทำให้ดั้งจมูกหักยุบเข้าไปด้านใน หมอก็ผ่าตัดแล้วก็ยกจมูกขึ้นมาให้เท่าเดิมนะครับ หลังจากนั้นเป็นต้นมาเราก็จะกลายเป็นคนที่เป็นภูมิแพ้ เป็นหวัดแพ้อากาศได้ง่ายมากนะครับ ตอนนั้นรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลใหญ่ที่จังหวัด เราก็ทำตามที่หมอบอกทุกอย่าง ถึงเดือนก็ไปพบหมอรับยาทำไปทำมา 3-4 เดือนต่อมาเรากลายเป็นคนที่มีไขมันสูง ปวดหัวบ่อย ปรากฎว่า ความดันโลหิต 200 มิลลิเมตรปรอทหมอก็เลยให้ทานยา ทานยาไปก็ดีเฉพาะตอนที่
มีฤทธิ์ยาอยู่ พอหมดฤทธิ์ยาเราก็เป็นอีก ตรวจเลือดดูก็ปรากฏว่าไขมันเยอะ หมอก็ให้ยาลดไขมัน กินอยู่เรื่อย เป็นประมาณ 5-6 ปีครับ จนเราไม่รู้ว่าเราได้ก่อโรคใหม่ขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่รู้ตัว นั่นก็คือเป็นโรคหัวใจแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว รู้สึกใจเจ็บแปล๊บ ๆ แต่เราก็ไม่ได้บอกหมอ หมอบอกเราเป็นไขมันพอกตับจากที่เรากินยาลดไขมันครับ แล้วก็เป็นเนื้องอกที่ถุงน้ำดี พร้อมกับมีนิ่วในถุงน้ำดีขนาดใหญ่กว่าเม็ดถั่วเหลือง 3 เม็ดอยู่ในนั้นครับ
ต่อมาเมื่อประมาณเดือนเมษายนปี 2553 ในขณะที่ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ปรากฏว่าอยู่ ๆ มันมีเหมือนคล้าย ๆ เราเอาวาสลีนไปป้ายไว้ที่ดวงตาเราด้านซ้ายผ่านไปประมาณ 3 สัปดาห์ปรากฏว่ามันไปเป็นที่ตาขวาอีกข้าง เหมือนวาสลีนบาง ๆ ที่ตาขวาอีกข้างหนึ่ง ขณะเดียวกันตาเราก็เริ่มมองได้แคบลงเดินก็เตะนู่นชนนี่ เข้าโรงพยาบาลจังหวัดอยู่ 6 เดือน หมอแนะนำว่าคุณควรที่จะไปหาโรงพยาบาลที่มันใหญ่ ๆ นะ ผมก็เลยไปทำการตรวจที่โรงพยาบาลใหญ่ในกรุงเทพ หมอก็ทำการตรวจทุกอย่าง ส่องกล้องส่องเข้าไปในลูกตาเราตลอด พร้อมกับให้ยามาด้วย เราก็ทานยาตามที่หมอบอกนะครับ แล้วสุดท้ายก็ได้รับคำตอบจากคุณหมอว่า คุณรอวันตาบอดนะ คุณไม่มีสิทธิ์หายถ้าคุณดวงดีคุณก็ได้อยู่แค่ตรงนี้ คือมันได้อยู่แค่นี้จะไม่มืดไปกว่านี้นะ แต่ว่าประมาณ 80% นี่คุณรอวันตาบอดนะ ฟังคำตอบจากหมอนี้เราก็ใจฝ่อเลยนะ แต่ทำใจดีสู้ครับ
ผมได้เดินทางมาที่สถานที่สวนป่านาบุญแห่งนี้นะครับ เช้ามาหมอบรรยายบอกว่า
ควรจะกัวซา ควรจะดีท็อกซ์ ดื่มน้ำสมุนไพรปรับสมดุล กินอาหารของค่าย เราก็ปฏิบัติตามทุกอย่าง ความอัศจรรย์มาเกิดขึ้นในวันที่ 4 ของค่าย ขณะกัวซาไปเอ๊ะ.ตามันสว่างขึ้นมาทันที มันเป็นไปได้ยังไงเรางงแต่ก็ดีใจที่ตามันสว่างขึ้น แล้วเราก็บอกหมอว่าตามันสว่างขึ้นเลยนี่ หมอก็ประทับใจว่า สิ่งที่หมอบอกไว้นี่มันทำได้ผลจริง ๆ นะ เราก็ดีใจว่า นี่เราทำได้เรามาถูกทางแล้ว ตอนแรกที่เราว่า อย่างนี้มันจะรักษาเราหายไหม กลับกลายเป็นว่าด้วยวิธีแบบนี้นีที่รักษาเราหาย ซึ่งเป็นเรื่องแปลก ผมก็ไม่คิดว่ามันจะหาย
หลังจากเข้าค่ายทุกค่ายที่ออกไปนับตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2553 เป็นต้นมา คือวันแรกที่เข้ามาที่นี่นะครับ นับจากวันนั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ได้ใช้ชีวิตในแนวทางแห่งค่ายหมอเขียวมาตลอด อาหารมังสวิรัติ เจ ตลอดนะครับ มีแต่ผัก ไม่มีเนื้อสัตว์นะ มีแต่ผักกับเกลือนะครับ
ทานไปเรื่อย ๆ ทานไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องกลัว เทคนิค 9 ข้อใช้ทั้งหมด โดยเฉพาะหัวข้อธรรมะ ที่สำคัญก็คือ อย่ากลัวตาย อย่ากลัวโรค อย่าเร่งผล แล้วก็อย่ากังวล ตัดออกให้หมดความกังวลทุกเรื่อง
ความกังวลทุกเรื่องตัดมันไปบ้าง ถ้าเราตัดไม่ได้มันก็จะมาฆ่าเรา ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ใจของเราจิตใจของเรา ถ้าตั้งมั่นอยู่นี่เราสามารถที่จะดำเนินต่อไปได้ ผมแหกค่ายมาเป็นแบบหมอเขียวทั้งหมด
จนทุกวันนี้ก็อยู่อย่างนี้ ใครจะชวนกินอะไรก็กินไป แต่เราก็บอกตัวเองเสมอว่า เราสบายเบากาย เป็นอยู่ผาสุก นั่นคือคำตอบที่ดีที่สุด อย่างที่หมอเขียวท่านบอก”
ทรงกลด นาคอร่าม สัมภาษณ์ 2557 กันยายน